รีวิวหนัง The Equalizer 3 มัจจุราชไร้เงา 3 ปิดท้ายเรื่องราวของการสังหารหมู่ที่โหดร้าย ในปี 2014 เราได้พบกับชายชราที่มีใบหน้าสงบชื่อ โรเบิร์ต แม็กคอล เป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นพนักงานขายอุปกรณ์ก่อสร้างที่แข็งแกร่งซึ่งจู่ๆ ก็เปิดเผยอดีตของเขา เมื่อกลายเป็นความตายไร้เงาเขาจึงกลายเป็นที่รู้จักในนาม ‘The Equalizer’ (2014) กำจัดคนอันธพาลและดูแลคนดี ความตายที่ไร้เงา สี่ปีต่อมา แมคคอลกลับมาแก้ไขปัญหาในอดีต แก้แค้นคนทรยศ ใน ‘The Equalizer 2’ (2018)
ในภาคนี้ แมคคอล ตัดสินใจลาออกจาก Shadowless Death จากนั้นเขาก็ไปอาศัยอยู่ที่ Altomonte เมืองเล็กๆ ทางตอนใต้ของอิตาลี แต่แทนที่จะละทิ้งชีวิตของฆาตกรและเริ่มต้นชีวิตใหม่ท่ามกลางเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรในท้องถิ่น แต่ในที่สุดในส่วนนี้ของโลก McCall หรือลุง Roberto ตัดสินใจเสี่ยงชีวิตและเข้าร่วมแก๊งมาเฟียอิตาลีที่มีความหลากหลาย . . บริหารจัดการโดยพี่น้องตระกูล Quaranta
พวกเขาเจริญรุ่งเรืองด้วยการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ และรีดไถค่าธรรมเนียมการคุ้มครองจากชาวบ้านตามแผงขายของในตลาด โรงงานไวน์ตั้งอยู่ตรงหน้า เพื่อปกป้องความยุติธรรมและสันติภาพของชาวเมือง McCall พร้อมด้วยผู้บริหาร CIA Emma Collins ตัดสินใจหันหลังกลับและกดปุ่มนาฬิกาจับเวลาเพื่อกำจัดอิทธิพลชั่วร้ายทั้งหมด ค้นพบเรื่องราวเบื้องหลัง
แม้ว่าฉากแอ็คชั่นเรท R สุดโหดใน The Equalizer 3 ภาคนี้จะไม่เข้มข้นและครอบคลุมเท่าสองภาคแรก แต่ความโหดก็ยังโหดไม่แพ้กัน มันโหดร้ายกว่าที่อื่น เพราะในภาคนี้เราจะเห็นว่า McCall กลายเป็นราชาแห่งความตายฆ่าด้วยเนื้อและหนัง พวกเขาบอกว่ามันเป็นหนังสยองขวัญหรือฆาตกรรม ต้องเคารพลุงเดนเซล วอชิงตันวัย 68 ปี ซึ่งเป็นตัวละครที่สงบ เท่ และสนุกสนานที่ยังคงแสดงท่าต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นในขณะที่ซ่อนทักษะการฆ่าระดับปรมาจารย์อย่างลับๆ ด้วยจังหวะที่รุนแรง รวดเร็ว แม่นยำ และน่าพึงพอใจ
